วันพุธที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

Blog คืออะไร

Blog มาจากศัพท์คำว่า WeBlog บางคนอ่านคำ ๆ นี้ว่า We Blog บางคนอ่านว่า Web Log แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ทั้งสองคำบ่งบอกถึงความหมายเดียวกัน ว่านั่นคือบล็อก (Blog)
ความหมายของคำว่า Blog ก็คือการบันทึกบทความของตนเอง (Personal Journal) ลงบนเว็บไซต์ โดยเนื้อหาของ blog นั้นจะครอบคลุมได้ทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวส่วนตัว หรือเป็นบทความเฉพาะด้านต่าง ๆ เช่น เรื่องการเมือง เรื่องกล้องถ่ายรูป เรื่องกีฬา เรื่องธุรกิจ เป็นต้น โดยจุดเด่นที่ทำให้บล็อกเป็นที่นิยมก็คือ ผู้เขียนบล็อก จะมีการแสดงความคิดเห็นของตนเอง ใส่ลงไปในบทความนั้น ๆ โดยบล็อกบางแห่ง จะมีอิทธิพลในการโน้มน้าวจิตใจผู้อ่านสูงมาก แต่ในขณะเดียวกัน บางบล็อกก็จะเขียนขึ้นมาเพื่อให้อ่านกันในกลุ่มเฉพาะ เช่นกลุ่มเพื่อน ๆ หรือครอบครัวตนเอง
มีหลายครั้งที่เกิดความเข้าใจกันผิดว่า Blog เป็นได้แค่ไดอารี่ออนไลน์ แต่ในความเป็นจริงแล้ว ไดอารี่ออนไลน์เปรียบเสมือน เนื้อหาประเภทหนึ่งของบล็อกเท่านั้น เพราะบล็อกมีเนื้อหาที่หลากหลายประเภท ตั้งแต่การบันทึกเรื่องส่วนตัวอย่างเช่นไดอารี่ หรือการบันทึกบทความที่ผู้เขียนบล็อกสนใจในด้านอื่นด้วย ที่เห็นชัดเจนคือ เนื้อหาบล็อกประเภท วิจารณ์การเมือง หรือการรีวิวผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ที่ตัวเองเคยใช้ หรือซื้อมานั่นเอง อีกทั้งยังสามารถ แตกแขนงไปในเนื้อหาในประเภทต่าง ๆ อีกมากมาย ตามแต่ความถนัดของเจ้าของบล็อก ซึ่งมักจะเขียนบทความเรื่องที่ตนเองถนัด หรือสนใจเป็นต้น
จุดเด่นที่สุดของ Blog ก็คือ มันสามารถเป็นเครื่องมือสื่อสารชนิดหนึ่ง ที่สามารถสื่อถึงความเป็นกันเองระหว่างผู้เขียนบล็อก และผู้อ่านบล็อกที่เป็นกลุ่มเป้าหมาย ที่ชัดเจนของบล็อกนั้น ๆ ผ่านทางระบบ comment ของบล็อกนั่นเอง
ในอดีตแรกเริ่ม คนที่เขียน Blog นั้นยังทำกันในระบบ Manual คือเขียนเว็บเองทีละหน้า แต่ในปัจจุบันนี้ มีเครื่องมือหรือซอฟท์แวร์ให้เราใช้ในการเขียน Blog ได้มากมาย เช่น WordPress, Movable Type เป็นต้น
ผู้คนหลายล้านคนจากทั่วทุกมุมโลก หันมาเขียน Blog กันอย่างแพร่หลาย ตั้งแต่นักเรียน อาจารย์ นักเขียน ตลอดจนถึงระดับบริษัทยักษ์ใหญ่ในตลาดหุ้น NasDaq
เมื่อสองสามปีที่ผ่านมา Blog เริ่มต้นมาจาก การเขียนเป็นงานอดิเรก ของกลุ่มสื่ออิสระต่าง ๆ หลาย ๆ แห่งกลายเป็นแหล่งข่าวสำคัญ ให้กับหนังสือพิมพ์หรือสำนักข่าวชั้นนำ จวบจนกระทั่งปี 2004 คนเขียน Blog ก็ได้รับการยอมรับจากสื่อและสำนักข่าวต่าง ๆ ถึงความรวดเร็วในการให้ข้อมูล ตั้งแต่เรื่องการเมือง ไปจนกระทั่ง เรื่องราวของการประชุม ระดับชาติ
และจากเหตุการณ์เหล่านี้ นับได้ว่า Blog เป็นสื่อชนิดหนึ่งที่ไม่ต่างจาก วีดีโอ , สิ่งพิมพ์ , โทรทัศน์ หรือแม้กระทั่งวิทยุ เราสามารถเรียกได้ว่า Blog ได้เข้ามาเป็นสื่อชนิดใหม่ ที่สำคัญอย่างแท้จริง
สรุปให้ง่าย ๆ สั้น ๆ ก็คือ Blog คือเว็บไซต์ ที่มีรูปแบบเนื้อหา เป็นเหมือนบันทึกส่วนตัวออนไลน์ มีส่วนของการ comments และก็จะมี link ไปยังเว็บอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องอีกด้วย

ตัวอย่าง Past simple and Past continuous

ตัวอย่าง Past Simple Tense

เหตุการณ์ในอดีตที่เสร็จสิ้นลงแล้ว..
-I went to the party last night
ฉันไปงานเลี้ยงเมื่อคืนนี้
-She told me that she was not home.
เธอบอกฉันว่า เธอไม่อยู่ที่บ้าน
-Phan ate the cake this morning.
เมื่อเช้าแป้นกินเค้ก
คำถาม..
-Did you eat the cake this morning?
เมื่อเช้า เธอกินเค้กไปหรือเปล่า?
ปฏิเสธ..
-I did not eat it.
ฉันไม่ได้กินนะ

ตัวอย่าง Past continuous Tense

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อเนื่องในช่วงเวลาหนึ่ง
-I was studying English this morning.
ฉันกำลังเรียนภาษาอังกฤษอยู่เมื่อเช้า
-She was standing in front of my house at 2 a.m.
ตอนตีสอง หล่อนกำลังยืนอยู่หน้าบ้านฉัน
-I was going to throw it away.
ฉันกำลังจะเอามันไปทิ้ง (ในอดีต)
กำลังเกิดเหตุการณ์อะไรอยู่แล้วมีเหตุการณ์อื่นเข้ามาแทรก
-I was eating my cake then I saw Phan.
ฉันกำลังกินเค้กของฉันอยู่ แล้วฉันก็เห็นแป้น
-While I was mopping the floor, I found the ring.
ในขณะที่ฉันถูพื้นอยู่ ฉันก็เจอแหวน
เหตุการณ์ในอดีต ที่เกิดขึ้นพร้อมๆกันอย่างต่อเนื่อง
-Piak was working while Phan was dancing around.
เปี๊ยกกำลังทำงาน ในขณะที่ แป้นกำลังเต้น(อยู่ได้)
คำถาม...
-Was she cooking yesterday evening?
เมื่อวานเย็น หล่อนกำลังทำอาหารอยู่หรือเปล่า
ปฏิเสธ..
-She was not cooking yesterday evening.
Past Simple Tense
โครงสร้าง: Subject + Verb ( Past Form ) + ( Object )
หลักการใช้
1. เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต และสิ้นสุดแล้ว มี Adverb บอกเวลาในอดีตกำกับด้วย เช่น
She saw you yesterday. (หล่อนเห็นคุณเมื่อวานนี้)
I went to Berline last year. (ผมไปเบอร์ลินเมื่อปีที่แล้ว)
2. เหตุการณ์หนึ่งกระทำเป็นประจำในอดีต แต่บัดนี้ไม่ได้ทำอีก เช่น
When he was young, he was very clever. (เมื่อตอนเขายังเด็ก เขาเป็นคนที่ฉลาดมาก)
I used to get up early in the morning. (ฉันเคยตื่นนอนตอนเช้าตรู่ ( ปัจจุบันไม่ได้ตื่นเช้าแล้ว )
3. เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในชั่วระยะเวลาหนึ่งในอดีต และระยะเวลานั้นได้ล่วงเลยมาแล้ว เช่น
They lived there during last spring.(พวกเขาอาศัยอยู่ที่นั่นในช่วงฤดูใบไม้ผลิที่แล้ว)
I heard the blacksmith working all day long.(ฉันได้ยินช่างตีเหล็กทำงานตลอดทั้งวัน)
4. ใช้แสดงถึงการสมมุติหรือข้อแม้ ในปัจจุบันหรือในอนาคต ตามหลังคำว่า If, Unless, Wish เช่น
If I were you I would love her. (ถ้าผมเป็นคุณ ผมจะรักเธอ)


Past Continuous Tense
โครงสร้าง: Subject + was, were + V-ing + Object
หลักการใช้
1. ใช้ในเหตุการณ์ที่แสดงอาการกำลังกระทำในอดีต เช่น
They were speaking in the bookstore.(พวกเขากำลังพูดอยู่ในร้านขายหนังสือ)
She was going to post office.(หล่อนกำลังจะไปที่ทำการไปรษณีย)์
2. ใช้แสดงถึงการกระทำที่ต่อเนื่องกันในอดีต เช่น
What were you doing all last summer? (เธอทำอะไรตลอดฤดูร้อนที่แล้วเหรอ?)
I was enjoying myself at the seaside.(ผมรื่นเริงกับการเที่ยวทะเล)
3. เหตุการณ์เกิด 2 เหตุการณ์ ขณะที่เหตุการณ์หนึ่งดำเนินก่อน และเหตุการณ์ที่สองมาแทรก
มีหลักการ คือ เหตุการณ์ที่ดำเนินอยู่ใช้ Past Con เหตุการณ์หลังใช้ Past Sim เช่น
When I returned home, she was playing pingpong. (ตอนฉันกลับบ้าน เธอเล่นปิงปองอย)ู่
4. เหตุการณ์ 2 อย่างที่เกิดขึ้นพร้อมกันในอดีต ต้องใช้ Past Con ทั้งคู่ มีคำว่า while หรือ as มาเชื่อม เช่น
I was playing while you were studying. (ฉันกำลังเล่นในขณะที่เธอกำลังเรียน)
5. เหตุการณ์ที่ดำเนินอยู่ ณ เวลาจุดใดจุดหนึ่งในอดีตที่ระบุไว้ชัดเจน เช่น
They were cleaning the room at eight o'clock yesterday.(พวกเขาทำความสะอาดห้อง 8 โมงเมื่อวาน)
6. ใช้ในการสมมุติ เป็นข้อแม้ การคาดคะเน แสดงถึงการกระทำที่ต่อเนื่อง เช่น
What would you do if it was raining? (คุณจะทำอย่างไรถ้าฝนกำลังตก?)

ความรู้สึกการมี blog ครั้งแรก

รู้สึกดีใจและก็ตื่นเต้นมากๆที่ได้มี blog เป็นของตัวเอง